วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

อ่อนเพลียแก้ได้จากการกิน

อาหารคลายอาการอ่อนเพลีย

หลายๆ คนอาจประสบปัญหากับอาการการอ่อนเพลียโดยส่วนมากจะเกิดจากการทำงาน วันนี้เราจะมาพูดถึงการรักษาอาการอ่อนเพลียที่เกิดจากชีวิตประจำวันของเราด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารช่วยให้ร่างกายของเรากลับมาฟิตอีกรอบ

สารอาหารที่สำคัญ

จริงๆ แล้วสารอาหารทุกๆ อย่างมีผลทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลียถ้าหากขาดมันไป แต่สารอาหารที่ส่งผลต่อความอ่อนเพลียโดยตรงก็จะมี วิตามินซี วิตามินบี ธาตุเหล็ก แมกนีเซียม เป็นต้น

  • วิตามินซี อาหารที่มีวิตามินซีสูงจะช่วยแก้ไขร่างกายอ่อนเพลีย โดยวิตามินซีจะช่วยเพิ่มภูมิต้านทานต่อต้านการติดเชื้อ และมีส่วนในการแปลงสารในสมองที่ควบคุมการหลับ อาการซึมเศร้าและความเจ็บปวด
  • วิตามินบี เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อการผลิตพลังงานจากสารอาหาร ได้แก่ บี 1 บี 2 บี 6 กรดแพนโทธีนิค และอะไนซิน โดยสารอาหารกลุ่มนี้หากขาดตัวใดตัวหนึ่งก็อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีแรง นอนไม่หลับ แต่หากได้รับ วิตามินบี 12 และไบโอติน ไม่เพียงพอก็จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้เช่นกัน
  • แมกนีเซียม เป็นสารอาหารที่ทำหน้าที่ในการเปลี่ยน ไขมัน โปรตีน คาร์โบไฮเดรตให้เป็นพลังงานซึ่งแน่ล่ะ การขาดพลังงานก็จะทำให้อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรง
  • ธาตุเหล็ก ตัวนี้จะช่วยนำออกซิเจนเข้าสู่เลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อของร่างกายส่วนต่างๆ ถ้าหากธาตุเหล็กน้อยเกินไปก็จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแอนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีสารอาหารตัวอื่นๆ ที่ยังมีส่วนเกี่ยวข้อง ได้แก่ วิตามินอี โซเดียม สังกะสี เป็นต้น 

อาหารแก้อ่อนเพลีย

มีอาหารมากมายหลายชนิดที่มีสารอาหารพวกนี้อยู่ ผมจะยกตัวอย่างที่หาได้ง่ายๆ ทั่วไป >>
  • วิตามินซี : ฝรั่ง กีวี สับปะรด กระหล่ำดอก บรอกโคลี น้ำมะนาว กล้วย สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ มะละกอ พริกหวาน เป็นต้น
  • วิตามินบี : ไข่ ถั่ว นม เนื้อสัตว์ ปลา งา เป็นต้น
  • แมกนีเซียม : ถั่ว ผักใบเขียว แครอท ฟักทอง สับปะรด เนื้อสัตว์ นม ไข่ ปลา เป็นต้น
  • ธาตุเหล็ก : เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ตับ งา มะเขือเทศ กระเพรา ถั่วฝักยาว พริกหวาน เป็นต้น
เป็นยังไงกันบ้างคร้บ อาหารง่ายๆ ใครที่รู้สึกอ่อนเพลียก็เตรียมคิดเมนูอาหารมื้อต่อไปได้เลยครับ ^^
ยังไงก็ดีครับ การรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่จะเป็นการดีที่สุด เนื่องจากจะทำให้เราได้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ร่างกายของคุณก็จะไม่อ่อนเพลียแน่นอนครับ


วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง

อาหารที่ไม่ควรกินตอนท้องว่าง
     วันนี้ก็ยังพูดถึงเรื่องอาหารเหมือนเดิมครับ ทำยังไงได้ล่ะ ก็มันเป็นเรื่องใกล้ตัว หลายครั้งที่เวลาที่หิวเราก็จะไปหาอะไรกินเพื่อรองท้อง แต่หารู้ไม่ว่า อาหารบางอย่างไม่ควรรับประทานตอนท้องว่าง ไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง

  1. เหล้า อันนี้แน่นอนครับ ไม่ต้องบอกก็น่าจะรู้เพราะเหล้ามันจะไปกัดกระเพาะอาหารของคุณ ทำให้กระเพาะอาหารอักเสบหรือเป็นแผล
  2. ชา ชาที่ชงแก่ส่งผลให้กรดน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง มีผลทำให้การย่อยอาหารของระบบย่อยอาหารลดลง บางครั้งอาจเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ
  3. กล้วย เนื่องจากธาตุแมกนีเซียมที่มีอยู่มากมายในกล้วย การมีธาตุแมกนีเซียมขณะท้องว่างทำให้ธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้เสียสมดุลของธาตุแคลเซียมและแมกนีเซียมส่งผลให้ไปยับยั้งการทำงานของหลอดเลือดหัวใจ หว่ายย
  4. ผัก กินแต่ผักตอนท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารทำงานผิดปกติ เนื่องจากสารบางอย่างที่อยู่ในผักนั่นเอง
  5. กระเทียม ปกติเราก็ไม่ทานกระเทียมเพียวๆ อยู่แล้ว อาหารครับ ที่เน้นกระเทียม ทานตอนท้องว่างมันจะไปกระตุ้นที่เยื่อกระเพาะอาหารจนทำให้อักเสบได้
  6. ของหวานๆ หรือน้ำตาล ถ้าหวานมากๆ แล้วล่ะก็ มันจะส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีน และลดการทำงานของระบบหมุนเวียนของเลือด สงสัยเลือดหวานก็เลยหนืด(แซวเล่น)
  7. ลูกพลับ เจออีกแล้วครับ กับลูกพลับ เพราะลูกพลับมีสารที่เป็นยาง ซึ่งมีสารแขวนลอยปะปนอยู่ ถ้าหากทานตอนท้องว่างๆ มันก็จะไปรวมกับกรดเกลือในกระเพาะอาหารอาจทำให้ เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และกระเพาะอาหารเป็นแผล
นอกเหนือจากนี้ ตอนท้องว่างเรายังไม่ควรที่จะอาบน้ำ ออกกำลังกาย เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดต่ำอาจทำให้ช็อคได้

วันจันทร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2556

อาหารที่ไม่ควรทานพร้อมกัน

อาหารที่ไม่ควรกินด้วยกัน
   หัวข้อวันนี้ยังคงอยู่บนโต๊ะอาหาร จากที่ได้ไปอ่านมาหลายๆ ที่ ก็ได้รวบรวมมาให้ดูกัน ลองมาดูกันซิว่าอาหารชนิดไหนบ้างที่ไม่ควรกินด้วยกัน เพราะอะไรนั้นลองไปดูกันทีละอย่างเลยดีกว่า

  1. มะเขือเทศ กับ แตงกวา ,น้ำแครอท กับ น้ำผัก, หัวไชเท้า กับ แครอท
    ทำให้สูญเสียวิตามินซี เนื่องจากเอนไซม์ของแครอท กับแตงกว่าจะทำลายวิตามินซีของผักชนิดอื่น
  2. ของทอด กับ แตงโม
    เพราะอาจทำให้ท้องเสียง่าย เนื่องจากของทอดอมน้ำมันมาก กับแตงโมซึ่งมีน้ำมาก ช่วยระบาย ทำให้ในกระเพาะมีน้ำกับน้ำมันมากและยังมีคุณสมบัติช่วยระบายอีกต่างหาก
  3. เหล้า(แอลกอฮอล์) กับ ทุเรียน
    เพราะจะทำให้เกิดการร้อนใน เนื่องจากในทุเรียนมีซัลเฟอร์มาก ทำให้เกิดร้อนขึ้นในกระเพาะอาหาร แก้ด้วยการดื่มน้ำเย็นมากๆ หรือ อาเจียรออกมา ถ้าไม่ดีขึ้นควรไปพบแพทย์
  4. เหล้า(แอลกอฮอล์) กับ อาหารรสเผ็ด
    ต้องควรระวัง เพราะอาหารสองอย่างนี้ทำให้การไหลเวียนโลหิตสูงขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้หรือความดันสูง
  5. หมู กับ ไอศครีม
    ทำให้ย่อยยาก เพราะว่าหมู หรืออาหารที่เป็นโปรตีนจำพวกเนื้อ ต้องการใช้เวลาย่อยนาน เมื่อทานกับของเย็นๆ ทำให้กระเพาะเย็นทำงานได้ลำบากขึ้น 
  6. ก๋วยเตี๋ยว กับ ข้าวสวย
    ทำให้อ่อนเพลียและอ้วนง่าย เพราะอาหารทั้งคู่เป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ในการย่อยต้องใช้วิตามินบี 1 ยิ่งมีคาร์โบไฮเดรตเยอะ ก็ต้องใช้วิตามินบี 1 เยอะ ทำให้ร่างกายเหลือวิตามินบี 1 น้อยซึ่งทำให้ง่วงนอน อ่อนเพลีย อ้วนง่าย
  7. ปู กับ ลูกพลับ
    จะทำให้ท้องเสียได้ง่าย เพราะว่าอาหารทั้งสองมีคุณสมบัติในการระบาย
  8. ปู กับ น้ำแข็ง(ไส)
    จะทำให้ท้องเสีย เนื่องจากปูมีคุณสมบัติทำให้ภายในตัวเย็นลง กับของเย็นๆ เช่น น้ำแข็งไส หรือ ไอศครีม จึงทำให้ท้องเสีย
  9. นม กับ อาหารที่มีเส้นใยสูง
    จะทำให้ร่างกายได้รับแคลเซียมจากนมน้อยลง เนื่องจากเส้นใยจะไปจับแคลเซียมก่อนถูกดูดซึม
  10. เบคอน กับ ปวยเล้ง
    จะทำให้ร่างกายได้ธาตุเหล็กน้อยลง  เนื่องจากกรดฟอสฟอริคในเบคอนเป็นตัวขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กและแคลเซียมในปวยเล้ง กรดไนตริกในปวยเล้งจะเปลี่ยนเป็นกรดดินประสิว   หากกินร่วมกับเบคอนบางชนิด อาจก่อให้เป็นสารก่อมะเร็งตามมาภายหลังได้
  11. เหล้า กับ มัสตาร์ด
    จะทำให้เกิดอาการแพ้ เนื่องจากอาหารทั้งคู่จะไปกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตมากเกินไป จนกระทั้งเกิดอาการแพ้
  12. ไข่ต้ม กับ เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
    ทำให้ร่างกายได้รับธาตุเหล็กน้อยลง เนื่องจากคาเฟอีนจะจับตัวกับสารซัลเฟอร์ในไข่ต้ม  แล้วขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก หากต้องการกินร่วมกับไข่   ควรกินร่วมกับไข่ดาวจะดีกว่า
  13.  ชา กาแฟ  (มีสารทันนิน)  กับ  ลูกพรุน 
    ลูกพรุนมีธาตุเหล็กมาก แต่สารทันนินมีสรรพคุณขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็ก
  14. น้ำส้มสายชู  กับ  ผักที่มีแคโรทีน
    จะทำให้ได้รับสารแคโรทีนน้อยลง เนื่องจากน้ำส้มสายชูมีฤทธิ์ทำลายแคโรทีนในผัก
  15. กล้วย กับ เผือก
    จะทำให้ท้องอืด
  16. หัวไชเท้า กับ เห็ดหูหนู ทั้งดำและขาว
    อาจทำให้เป็นโรคผิวหนัง
  17. เต้าหู กับ น้ำผึ้ง
    อาจทำให้หูหนวก
  18. มันฝรั่ง กับ กล้วยทุกชนิด
    อาจทำให้ให้เป็นฝ้า
  19. มันเทศ กับ ลูกพลับ
    อาจทำให้เกิดนิ่วในกระเพาะอาหาร
  20. มันฝรั่ง กับ ลูกพลับ
    อาจทำให้เกิดนิ่วในท่อปัสสาวะ
  21. ถั่วลิสง กับ ฟักทอง
    มีผลเสียต่อร่างกายและทำให้ลำใส้อักเสบ
  22. เหล้าขาว กับ ลูกพลับ
    ทำให้เป็นพิษ
  23. หัวไชเท้า กับ ผลไม้ทุกชนิด
    อาจทำให้เกิดคอพอก
  24. เต้าหู นมสด ใส่ไข่
    อาจทำให้ท้องผูกและเส้นเลือดตีบ
  25. ปวยเล้ง กับ เต้าหู้
    อาจทำให้เป็นนิ่วที่ไขสันหลัง
  26. กล้วย มะละกอ แตงโม
    รับประทานด้วยกันอาจทำให้เป็นโรคไตและเบาหวาน
  27. ส้ม กับ มะนาว
    อาจทำให้กระเพาะทะลุ
  28. เหล้าขาว กับ เบียร์
    อาจทำให้เส้นเลือดในสมองแตก
  29. ปลาต้ม กับ ผักกาดดอง
    อาจทำให้เกิดมะเร็ง
  30. ขิงดองแช่ตู้เย็น
    อาจทำให้เกิดโรคมะเร็ง
  31. น้ำผึ้งชง กับ น้ำร้อน
    จะทำให้เสียวิตามิน
  32. น้ำข้าว กับ นม
    จะทำให้เสียวิตามิน
  33. บวบ ซือกวย ไชเท้า
    หากรับประทานวันเดียวกัน อาจทำให้เป็นโรคเบาหวานและทำให้อสุจิในท่านชายไม่แข็งแรง

วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ไม่ควรทำทันทีหลังมื้ออาหาร

สิ่งที่ไม่ควรทำทันทีหลังมื้ออาหาร    หลายๆ คนอาจไม่ทราบว่าการกระทำบางสิ่งหลังมื้ออาหารทำให้เกิดผลเสีย มีหลายครั้งที่เราทำไปโดยความเคยชินแล้วก็ไม่เคยรู้มาก่อน เรามาดูกันซิว่า มีอะไรบ้าง
  1. ทานผลไม้ต่อทันที! ข้อนี้เชื่อว่าหลายๆ คนคงทำกันบ่อยๆ ที่บางทีกินข้าวเสร็จก็อยากกินของหวานหรือผลไม้ต่อ จริงๆ แล้วมันก็ไม่ได้เสียหายมากมายนักหรอกครับ เพียงแต่ว่าสารอาหารที่เราควรได้รับจากผลไม้มันจะได้ไม่เต็มที่ เพราะผลไม้ย่อยง่ายกว่ากับข้าวกับปลาที่เรากินกันเข้าไป และถ้าเรารีบทานผลไม้ทันทีมันก็จะไปรวมกับอาหารอย่างอื่นแล้วกว่าที่ผลไม้จะไปดูดซึมที่ลำไส้ผลไม้ก็เน่าหมดพอดี ถ้าอยากทานผลไม้ให้ได้สารอาหารเยอะๆ ต้องทานตอนท้องว่างๆ ครับ
  2. ดื่มน้ำชา! ใช่ครับหลายคนคงรู้ครับว่าชานั้นมีประโยชน์กับร่างกายหลายอย่าง แต่ถ้าดื่มพร้อมกับอาหารหรือหลังอาหารทันทีมันก็มีผลเสีย เนื่องจากชามีความเป็นกรดค่อนข้างสูงซึ่งมีผลต่อการย่อยโปรตีน และอีกอย่างก็คือสารโพลีฟีนอลที่อยู่ในชาจะเข้าไปขัดขวางการดูดซึมธาตุเหล็กนั่นเอง
  3. เดินไปมา! หลายต่อครั้งที่เราเคยได้ยินคำว่า เดินย่อยอาหาร แต่มาวันนี้มันไม่เป็นแบบนั้นครับ การเดินไปมาหลังกินข้าวเสร็จใหม่ทำให้ระบบย่อยอาหารทำได้ไม่เต็มที่
  4. ขยายเข็มขัด! การขยายเข็มขัดจะทำให้ลำไส้ของคุณเกิดการเปลี่ยนแปลงกระทันหันอาจเกิดการบิดตัวหรืออุดตันได้ ถ้าหากจะขยายจริงๆ ละก็ ค่อยๆ คลายทีละนิดจะดีกว่าครับ
  5. สูบบุหรี่! การสูบบุหรี่หลังทานข้าวนั้น สูบ 1 มวนมีค่าเท่ากับสูบ 10 มวนเลยทีเดียว และก็มีโอกาสเป็นมะเร็งสูงขึ้นด้วย
  6. อาบน้ำ! หลายๆ คนพอทานข้าวเสร็จก็อาบน้ำแล้วค่อยทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อ แต่การอาบน้ำทันทีหลังทานข้าวเสร็จ ทำให้ระบบการย่อยอาหารของคุณมีประสิทธิภาพลดลง รวมถึงทำให้ความดันโลหิตในร่างกายขาดความสมดุล เป็นเหตุก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ตามมา
  7. นอนหลับ! เนื่องจากตอนที่คุณนอนหลับอาหารจะไม่สามารถย่อยได้ ทำให้เกิดลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ และยังอาจทำให้เป็นโรคกรดไหลย้อนอีกต่างหาก

เมื่อรู้อย่างนี้แล้ว หลายๆ คนที่เป็นห่วงสุขภาพก็ควรปรับปรุงกิจกรรมหลังทานข้าวซะหน่อย เพื่อเป็นผลดีต่อตัวคุณเอง